แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - melow

หน้า: [1] 2 3
1

   ปัจจุบันไม่ว่ามองไปทางไหนก็มักจะเห็นไรเดอร์ Grab ชุดสีเขียวยืนอยู่ตามร้านอาหารหรือร้านค้าต่าง ๆ แทบทุกตรอกซอกซอย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการหารายได้เสริมยอดฮิตแห่งยุค 5G เลยก็ว่าได้ แต่ทุกคนเคยรู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วอาชีพ ไรเดอร์ส่งอาหาร ส่งของเหล่านี้มีลักษณะงานอย่างไร แล้วเพราะเหตุใดงานนี้ถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน

   1.ลักษณะงานของไรเดอร์ Grab
   สำหรับ งานไรเดอร์ Grab มีหลักการทำงานที่เป็นพื้นฐานสำคัญคือ การส่งอาหารหรือสิ่งของไปให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งรายได้ของไรเดอร์นั้นไม่มีกำหนดตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับงาน ยิ่งรับงานมากก็ยิ่งมีรายได้มาก ทำให้เหมาะจะเป็นงานเสริมหลังเลิกงาน หรือจะยึดเป็นงานประจำทำทั้งวันก็ได้เหมือนกัน โดยลักษณะงานไรเดอร์มีดังต่อไปนี้
1.1 GrabFood: รับ-ส่งอาหารจากร้านอาหารไปถึงตำแหน่งที่อยู่ของลูกค้าภายในเวลาที่กำหนด
1.2 GrabExpress: รับ-ส่งของ เอกสาร และพัสดุ ไปให้ถึงมือลูกค้าที่เป็นผู้รับภายในเวลาที่กำหนด
1.3 GrabMart: ซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อหรือร้านค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ Grab แล้วนำไปส่งให้ถึงมือลูกค้าภายในเวลาที่กำหนด

2.ทำไมหลายคนหันมาทำอาชีพไรเดอร์ เช่น GrabFood
   สาเหตุที่ทำให้คนนิยม สมัครแกร็บไรเดอร์ เป็นจำนวนมากก็เพราะเป็นงานที่มีรายได้คุ้มค่า โดยในการรับงานทุกครั้ง Grab จะหักค่าคอมมิชชันเพียง 15% และไรเดอร์ยังจะได้รับค่าส่งเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 10 บาท ในกรณีที่ระยะทางมากกว่า 6 กิโลเมตรขึ้นไปอีกด้วย เฉลี่ยแล้วไรเดอร์ส่วนมากจะมีรายได้ต่อวันอยู่ที่ 600 – 1,000 บาท เดือน ๆ หนึ่งจะมีรายได้แตะหลัก 20,000 – 30,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ Grab ยังมีสวัสดิการให้ไรเดอร์ เช่น ประกันอุบัติเหตุวงเงินสูงสุด 150,000 บาท ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างรับงาน หรือส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ Grab เป็นต้น

3.ขั้นตอนการ สมัครไรเดอร์ Grab นอกจากจะต้องทําใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
   สำหรับผู้ที่สนใจอยาก สมัครแกร็บไรเดอร์ ก็สามารถสมัครแบบออนไลน์ได้ด้วยตัวเองตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 เข้าเว็บไซต์ www.grab.com/th/driver
3.2 กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน รวมทั้งคลิกยอมรับเงื่อนไขการลงทะเบียน
3.3 กรอกใบสมัคร
3.4 รอรับรหัส OTP ทาง SMS
3.5 อัปโหลดเอกสารประกอบการสมัคร
3.6 ทำแบบทดสอบ
3.7 รอการแจ้งผลทาง SMS ถ้าผ่านการอนุมัติก็จะสามารถเริ่มงานได้ทันที
   
ทั้งหมดนี้คือลักษณะ งานไรเดอร์ ตลอดจนขั้นตอนการสมัครที่เราได้รวบรวมมาฝากกันในวันนี้และสำหรับใครที่กำลังมองหางานเสริมรายได้ดี เหมาะจะทำหลังเลิกงานประจำ เราขอแนะนำ GrabFood เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะนอกจากจะเลือกเวลาทำงานได้เองแล้ว รายได้และสวัสดิการต่าง ๆ ก็คุ้มค่า ตอบโจทย์คนที่อยากมีอาชีพที่ 2 ไว้เป็นแหล่งรายได้อีกทางหนึ่ง

ยางรั่ว https://www.grab.com/th/blog/driver/รถยางรั่วควรทำอย่างไร/
 



2


แชร์ต่อ 7 ผลิตภัณฑ์พลาสเตอร์และยาทาแผลยี่ห้อดังปี 2022 ที่ช่วยปิดแผลและสมานแผล ให้แผลแห้งไวหายเร็ว ป้องกันการติดเชื้อ ทุกบ้านควรมีไว้ติดตู้ยาสามัญประจำบ้าน ตามไปดูกันเลยว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง

หิมาลายา แอนตี้เซฟติก ครีม
ผลิตภัณฑ์ยาทาแผลสดที่ช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อ มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้และสารสกัดจากเมล็ดอัลมอนด์ช่วยสมานแผลและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น

เบตาดีน ออยเมนท์
ผลิตภัณฑ์ยาทาแผลสดเบตาดีน เป็นยาทาแผลสดเนื้อขี้ผึ้ง ทาแล้วเย็นสบายไม่แสบแผล พร้อมทั้งช่วยยับยั้งการติดเชื้อของแผล สามารถใช้กับแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้อีกด้วย

บีแพนเธน เฟิร์สเอด ครีม
ผลิตภัณฑ์ยาทาแผลที่มีตัวยาในกลุ่ม Antiseptic มีประสิทธิภาพช่วยปกป้องการติดเชื้อบริเวณบาดแผล นอกจากนั้นยังมีโปรวิตามินบี 5 ที่ช่วยบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมกับสมานแผลกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื้อให้แผลหายเร็ว

3M เน็กซ์แคร์ แม็กซ์โฮล พลาสเตอร์ใส ปิดแผลกันน้ำ
ผลิตภัณฑ์ พลาสเตอร์กันน้ำ ที่ช่วยปกป้องบาดแผลจากสิ่งสกปรก เชื้อโรค และแบคทีเรีย ป้องกันน้ำเข้าไม่ให้แผลอักเสบ ประสิทธิภาพปกป้องแผลได้นานถึง 48 ชั่วโมง ที่สำคัญเป็นแบบบางใส ยืดหยุ่น และทนทานไม่หลุดล่อนแม้อาบน้ำ ไม่หลุดลอกง่าย

SOS Plus พลาสเตอร์ใสปิดแผลกันน้ำ
ผลิตภัณฑ์พลาสเตอร์ปิดแผลสูตรกันน้ำขนาดใหญ่ถึง 100 x 250 มิลลิเมตร สามารถใช้ปิดแผลขนาดใหญ่อย่างแผลผ่าตัดได้ แถมยังมีประสิทธิภาพในการกักเก็บและดูดซึมสารคัดหลัง ไม่ทำให้แผลซึม และยังช่วยป้องกันน้ำไม่ให้เข้าสู่แผล ลดการติดเชื้อ ให้แผลสมานตัวได้ไวขึ้น

Tigerplast พลาสเตอร์กันน้ำ
ผลิตภัณฑ์พลาสเตอร์ปิดแผลแบบพลาสติก สามารถกันน้ำได้ 100% มีขนาดบางพิเศษและยังให้ความแนบสนิทไปกับผิวหนังด้วยการใช้กาวอะคริลิกซึ่งมีความอ่อนโยนไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ยืดหยุ่นได้ดี สามารถขยับได้โดยไม่ตึงแผล ช่วยป้องกันการติดเชื้อของแผลได้

3M เน็กซ์แคร์ พลาสเตอร์กันน้ำแบบโฟม
ผลิตภัณฑ์พลาสเตอร์ปิดแผลแบบเนื้อโฟมสีเนื้อ เป็น พลาสเตอร์กันน้ำ ขนาดใหญ่ถึง 50 x 101 มิลลิเมตร ด้วยความที่เป็นเนื้อโฟมจึงอ่อนนุ่มและอ่อนโยนต่อบริเวณที่มีบาดแผล เหมาะกับการปิดแผลบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อย ที่สำคัญยังมีประสิทธิภาพดูดซับสารคัดหลั่งจากแผลและกันน้ำได้อย่างดี

ผลิตภัณฑ์ทั้ง 7 นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านควรมีไว้เป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพื้นฐานประจำบ้าน สามารถเข้าไปช้อปได้ที่ วัตสันออนไลน์ พร้อมทั้งรับ โปรวัตสัน สุดคุ้มอย่างโปร วัตสันชิ้นที่ 2 1 บาท และโปรโมชั่นอื่น ๆ อีกเพียบได้เลยที่นี่



3

         คอลลาเจน เส้นใยโปรตีนที่สำคัญและร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความแข็งแรงแก่ผิว แต่เมื่อไหร่ที่อายุเรามากขึ้นหรือสุขภาพผิวโดนทำร้ายจากปัจจัยภายนอกก็จะทำให้ระดับคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงและส่งผลให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น หรือแม้แต่มีปัญหาหมองคล้ำไม่สดใสในที่สุดได้
ซึ่งนอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ดีต่อสุขภาพ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ระดับคอลลาเจนในผิวลดลงแล้ว การรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนก็มีส่วนช่วยเพิ่มและรักษาระดับคอลลาเจนให้สุขภาพผิวของเราแข็งแรงขาวใส และมีสัมผัสนุ่มลื่นได้เช่นกัน

คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี กินแล้วผิวกระจ่างใส นุ่มลื่นน่าสัมผัส

     หากคุณกำลังมองหาอาหารเสริม คอลลาเจนที่ดีที่สุด หรือจะเป็นกลุ่ม คอลลาเจนไดเปปไทด์ยี่ห้อไหนดี เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณให้กลับมานุ่มลื่นและกระจ่างใส วันนี้เรารวบรวมมาให้ทำความรู้จักกันแบบเน้น ๆ กับ รีวิวคอลลาเจนผิวขาว 5 ยี่ห้อดังนี้

1. Colly 7X Collagen & Astaxanthin
รีวิวคอลลาเจนผิวขาว ที่ไม่ควรพลาดเพราะผสานการทำงานของคอลลาเจนร่วมกับแอสต้าแซนธินที่ได้จากสาหร่ายแดงเพื่อการเสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส ยืดหยุ่นสูง และแข็งแรงแบบคูณสอง ขณะเดียวกันมีส่วนผสมของวิตามิน B1 B6 และ B12 ที่ล้วนมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย คืนผิวอ่อนเยาว์ได้แบบจัดเต็ม 

2. Swisse Collagen + Grape Seed 
ถ้าถามถึง คอลลาเจนที่ดีที่สุด ต้องยกให้อาหารเสริมคอลลาเจนยี่ห้อสัญชาติออสเตรเลียยี่ห้อนี้เลย เพราะอัดแน่นไปด้วยคอลลาเจนที่สามารถช่วยสร้างความยืดหยุ่น เต่งตึง และนุ่มลื่นแก่ผิว พร้อมด้วยสารสกัดจาก grape seed swisse รวมถึง Niacinamide วิตามิน C และ E ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด ช่วยชะลอวัยผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. Bomi Gold Di Collagen Plus Calcium
ใครกำลังมองหา คอลลาเจนไดเปปไทด์ยี่ห้อไหนดี กินง่าย ดีต่อสุขภาพกายและผิวพรรณ ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะคอลลาเจนชนิดชงดื่มกระปุกนี้มีไดเปปไทด์คอลลาเจนเข้มข้นถึง 3,314 mg โมเลกุลเล็ก ร่างกายเอาไปใช้ได้รวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่มส่วนผสมของแคลเซียมมามากถึง 1,000 mg คอยช่วยดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง และเพิ่มความเนียนใสแก่ผิวด้วยส่วนผสมของ L-Cysteine และ Multi-Vitamin อีกนานาชนิด 

4. Amado Gold Collagen + Ceramide
คอลลาเจนอมาโด้ ตัวฮิตที่จะช่วยกู้ผิวที่เคยอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น หรือเล็บ ผม กระดูกมีปัญหาให้กลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เนื่องจาก อมาโด้คอลลาเจน อัดแน่นไปด้วยคอลลาเจน 3 ชนิด ที่ดีที่สุด ได้แก่ ไตรเปปไทด์ ไดเปปไทด์ และไทป์ ทู พร้อมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติช่วยปรับสมดุลผิว ต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน อมาโด้คอลลาเจน กระป๋องสีทองนี้ก็เป็นแบบชง ไร้สี ไร้กลิ่น ชงง่าย ละลายเร็ว ปราศจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำตาล รับประกันว่า คอลลาเจนอมาโด้ ตัวนี้ดีต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณอย่างครอบคลุมแน่นอน

5. VIDA Collagen Dipeptide C
หากถามว่า คอลลาเจนไดเปปไทด์ยี่ห้อไหนดี ที่มาพร้อมกับคอลลาเจนเกรดพรีเมียมจากญี่ปุ่นลักษณะโมเลกุลเล็ก ดูดซึมไว ให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว แนะนำคอลลาเจนจาก VIDA ตัวนี้เลย มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มลื่นกว่าเดิมภายใน 4 สัปดาห์ พร้อมกับมีส่วนผสมของวิตามิน C ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสและสม่ำเสมอแลดูสดใสสุขภาพดีกว่าที่เคยอีกด้วย   

         ทั้งหมดนี้ก็เป็น รีวิวคอลลาเจนผิวขาว ทั้ง 5 ยี่ห้อที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ขอบอกเลยว่าแต่ละตัวสามารถช่วยบูสต์ผิวกระจ่างใส เพิ่มความนุ่มลื่นน่าสัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากการรับประทานคอลลาเจนเพื่อเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพผิวพรรณแล้วก็อย่าลืมเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อบำรุงผิวให้สุขภาพดีจากภายใน สำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเจลลี่ไฟเบอร์ คอลลาเจนที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการผิว สามารถเลือกช้อปได้ที่ วัตสันออนไลน์ รับประกันว่ามี โปรโมชั่นวัตสัน สุดคุ้มรออยู่มากมาย



4

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 การ ขายอาหารออนไลน์ ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากเดิมที่ต้องขายอาหารผ่านหน้าร้านแต่ปัจจุบันสามารถสั่งซื้ออาหารผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากลูกค้าสะดวกสบายแล้วฝั่งพ่อค้าแม่ค้าเองก็ไม่ต้องเปิดหน้าร้านและไม่ต้องจ้างคนงานก็สามารถมีร้านอาหารเป็นของตัวเองได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะอะไรกลุ่มคนชอบทำอาหารสนใจ สมัครแกร็บฟู้ดร้านค้า กันมากขึ้น ใครอยากมีร้านอาหารออนไลน์เป็นของตัวเอง ลองมาดูว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้ออเดอร์เข้าเพียบและร้านเป็นที่รู้จัก

เตรียมเมนูอาหาร ชื่อร้าน และภาพอาหารสวย ๆ
ก่อนเปิด แกร็บฟู้ดร้านค้า ขายอาหารออนไลน์ควรเตรียมเมนูให้พร้อมขาย โดยควรเลือกเมนูที่ตนเองถนัด ทำออกมาได้อร่อยและดูน่ารับประทานเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย นอกจากนี้อย่าลืมตั้งชื่อร้านที่จดจำง่าย เขียนง่าย อ่านแล้วรู้ทันทีว่าขายอาหารประเภทใด ที่สำคัญต้องให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพอาหาร เพราะภาพอาหารมีส่วนอย่างยิ่งในการตัดสินใจซื้อ ยิ่งถ่ายภาพอาหารได้สวยดูน่ารับประทานเท่าไหร่ ยิ่งกระตุ้นความสนใจได้มากเท่านั้น
เตรียมบรรจุภัณฑ์
การเปิด แกร็บฟู้ดร้านค้า ขายอาหารออนไลน์ต้องพึ่งพาเหล่าไรเดอร์ในการส่งมอบอาหารให้ถึงมือลูกค้า การเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับอาหารจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับกล่องใส่อาหารต้องมั่นใจว่าใส่แล้วไม่รั่วซึม ไม่หกเลอะเทอะง่าย ฝาปิดสนิท ขนาดกะทัดรัด อาหารบางประเภทต้องเตรียมถ้วยน้ำจิ้มหรือใช้กล่องแบบเป็นสัดส่วน นอกจากนี้อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร อย่างช้อน ส้อม ตะเกียบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับประทานได้ทันที เตรียมให้ครบแบบนี้สะดวกสบายและมัดใจลูกค้าได้อย่างแน่นอน
เตรียมระบบหลังบ้าน
เมื่อเตรียมเมนู ชื่อร้าน ภาพถ่าย และบรรจุภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลา สมัครแกร็บฟู้ดร้านค้า ที่ทำง่าย สะดวกสบาย เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GrabMerchant หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.grab.com/th/ เพื่อลงทะเบียนเป็นพาร์ทเนอร์กับแกร็บ กรอกแบบฟอร์มข้อมูลร้านค้า แนบเอกสารตามที่กำหนด เมื่อผลการสมัครผ่านแล้วก็ถึงขั้นตอนเซ็นสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ เรียนรู้การใช้งาน ทำความเข้าใจกับ GPคือ อะไร หักเงินอย่างไร และเริ่มเปิดร้านรับออเดอร์ได้เลย ที่สำคัญเมื่อเป็นพาร์ทเนอร์กับแกร็บแล้ว อย่าลืมร่วมกิจกรรมหรือแคมเปญต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายและทำให้กลุ่มลูกค้ารู้จักร้านเรามากยิ่งขึ้น

จะเห็นว่าปัจจุบันการ ขายอาหารออนไลน์ เป็นเรื่องง่าย เพียงมีตัวกลางอย่าง GrabMerchant ที่ให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถจัดการระบบหลังบ้านได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน เลือกเวลาเปิดปิดร้านเองได้ เลือกปิดเมนูที่หมดอย่างง่ายดายและทันใจ จัดการร้านอาหารได้อย่างสะดวกสบายแค่ปลายนิ้ว เพราะฉะนั้นใครอยากมีร้านอาหารออนไลน์เป็นของตัวเอง แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GrabMerchant เพื่อสมัคร กรอกข้อมูลตามขั้นตอนและเตรียมรับออเดอร์เข้าอย่างรัว ๆ กันได้เลย




5

   โรคร้ายแรงหลายคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเข้าใจว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้เฉพาะผู้สูงอายุ จึงไม่ได้เตรียมทำประกันแต่เนิ่น ๆ ทำให้รู้ตัวอีกทีก็เริ่มมีอาการของโรคเริ่มปรากฏขึ้นแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นคงมองหาประกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพก็จะยากพอสมควร ด้วยเหตุนี้เราจึงพาทุกคนมารู้จักกับประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง เตรียมรับมือกับโรคร้าย พร้อมแนะนำ ประกันโรคร้าย ที่ไหนดี ที่จ่ายเบี้ยต่ำ และความคุ้มครองสูง

ประกันโรคร้ายแรงคืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง
   ประกันโรคร้ายแรงแตกต่างจากประกันสุขภาพตรงที่เน้นคุ้มครองโรคเฉพาะกลุ่ม ทำให้เสริมความมั่นคงด้านสุขภาพมากขึ้น ในกรณีที่ประกันสุขภาพไม่ได้คุ้มครอง ที่สำคัญประกันโรคร้ายแรงยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่น่าสนใจด้วย ดังนี้
   1.ช่วยลดหย่อนภาษี
   รู้หรือไม่ว่าประกันโรคร้ายแรงสามารถใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี ดังนั้นหากใครมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องจ่ายภาษี อย่าลืมใช้สิทธิลดหย่อนจากประกันโรคร้ายแรง
   2.รักษาได้สะดวกยิ่งขึ้น
   บางคนมีสิทธิ์รักษาโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่พักหลายกิโลเมตร แค่ค่าเดินทางไปหาหมอเพียงอย่างเดียวก็อาจได้ค่ายารักษาโรคแล้ว แต่ประกันโรคร้ายแรงทำให้รักษากับโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านได้ ให้บริการรวดเร็วกว่า อีกทั้งมักจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทันสมัยกว่า

ประกันโรคร้ายแรงเลือกซื้ออย่างไรดี?
   1.ค่าเบี้ยประกัน
   ช่วงปีแรกของการจ่ายเบี้ยประกันภัย หลายคนอาจมั่นใจว่าสามารถจ่ายค่าเบี้ยไหวตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันต่อได้ เพราะเกิดอุบัติเหตุทางการเงิน เช่น ถูกยึดบ้าน, ยึดรถ ฯลฯ ดังนั้นหากกำลังมองหา ประกันโรคร้ายแรงที่ไหนดี ที่จ่ายค่าเบี้ยต่ำ เราแนะนำ ประกันมะเร็งใจแตก ของกรุงไทย ที่จ่ายเบี้ยรายปีเริ่มต้นไม่ถึง 500 บาท เหมาะอย่างยิ่งสำหรับวัยเริ่มต้นทำงาน
   2.ประวัติความเสี่ยงด้านสุขภาพ
   โรคร้ายแรงไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง ฯลฯ หนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคนั่นคือ “พันธุกรรม” หากคนในครอบครัวคุณมีประวัติเป็นโรคกลุ่มดังกล่าวมาก่อน เราแนะนำให้ทำประกันโรคร้ายแรงอย่างยิ่ง โดยให้เลือกซื้อกรมธรรม์ที่คุ้มครองกลุ่มโรคที่คนในครอบครัวคุณเคยเป็นมาก่อน จะดีที่สุด

ข้อจำกัดของประกันโรคร้ายแรงที่ควรทราบ
   1.ไม่ได้เงินคืน
   ประกันโรคร้ายแรงส่วนมากเป็นประกันแบบจ่ายเบี้ยทิ้ง กล่าวคือหากไม่ได้เคลมประกันภายในระยะเวลาที่คุ้มครอง สิทธิประโยชน์ก็จะหมดไปทันที ไม่สามารถขอเงินคืนได้ ดังนั้น หากหา ประกันโรคร้ายแรงที่ไหนดี ได้ตัวเลือกมาแล้ว ให้อ่านข้อมูลทั้งผลประโยชน์และข้อจำกัดให้ละเอียด
   2.การตรวจสุขภาพ
   ถึงแม้ว่าบริษัทประกันจะบอกว่าไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่ความจริงแล้วขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ว่าต้องตรวจหรือไม่ หากสุขภาพดี ไม่มีประวัติเข้ารับการรักษา ก็อาจไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงแค่ตอบคำถามให้ตรงความจริงเท่านั้น แต่ถ้าเคยมีประวัติรักษามาก่อน บริษัทประกันอาจขอให้ตรวจสุขภาพก่อนซื้อประกันก็ได้เช่นกัน

   นอกจากนี้หากสนใจประกันสุขภาพเด็ก ประกันโรคร้าย ที่ไหนดี ที่จ่ายค่าเบี้ยต่ำ ไม่ควรพลาดกับประกันโรคร้ายแรง “ไอแคร์” ให้ความคุ้มครอง 90 โรคร้าย ความคุ้มครองสูงสุดถึง 5 เท่าของทุนประกัน แถมเคลมได้หลายครั้งอีกด้วย หากสนใจก็สมัครได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next และธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

สีรถมงคลตามวันเกิด https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/2084

6
            รวม 7 ข้อดีที่คนยุคใหม่ตัดสินใจ หารายได้เสริมหลังเลิกงานหลังเลิกงานเวลาที่ทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่หลังเผชิญกับงานหนักมาตลอดทั้งวัน แต่สำหรับบางคนที่ยังกังวลปัญหาค่าใช้จ่ายเพราะรายได้ไม่เพียงพอกลับใช้เวลาพักผ่อนเหล่านั้นไปกับการหารายได้เสริม  หรือประกอบอาชีพอื่นนอกเหนือไปจากงานประจำ ซึ่งจริง ๆ แล้วการทำ อาชีพเสริมหลังเลิกงาน มีข้อดีหลายอย่าง แต่จะมีข้อดีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น วันนี้เรารวบรวมมาให้ทุกคนได้รู้และทำความเข้าใจ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเริ่มทำอาชีพเสริมหลังเลิกงานกัน

ได้รายได้มากขึ้น
ขึ้นชื่อว่าเป็นอาชีพเสริม แน่นอนว่าข้อดีที่หนีไม่พ้นเลยก็คือเรื่องรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับคุณและยังนำมาเก็บเป็นเงินออมเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิตได้อีกด้วย

ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบ
ผู้คนที่ต้องการ หารายได้พิเศษ ส่วนใหญ่มักเริ่มจากการทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบ หรืออาจเป็นการต่อยอดจากงานอดิเรกมาเป็นอาชีพในการ หารายได้เสริมหลังเลิกงาน เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำได้ง่ายที่สุดนั่นเอง และคุณยังได้มีโอกาสลองผิดลองถูกค้นหาตัวเองว่าชื่นชอบสิ่งเหล่านั้นจริง ๆ หรือสามารถพัฒนาให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ได้เพิ่มมากขึ้นมากน้อยเพียงใด

ได้ทักษะในการบริหารเวลา
แม้ว่าการทำ อาชีพเสริมหลังเลิกงาน ดูเหมือนจะมีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักบริหารเวลาให้เหมาะสมร่วมด้วย เพื่อไม่ให้เวลาของงานเสริมกระทบกับงานหลักหรือเวลาพักผ่อนส่วนตัวมากเกินไป ทั้งยังสามารถนำทักษะการบริหารเวลาทำงานเสริมนี้มาใช้ร่วมกับงานประจำได้อีกด้วย

ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และพัฒนาตัวเอง
การ หารายได้เสริมหลังเลิกงาน ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะในการทำงานและการใช้ชีวิตอีกหนึ่งรูปแบบที่จะช่วยส่งเสริมให้คุณได้พัฒนาตัวเอง รวมถึงยังมีโอกาสได้พัฒนาเนื้องานที่ตัวเองชื่นชอบหรือเพิ่มพูนทักษะการทำงานในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น

ได้รู้จัก Connection ใหม่ ๆ
การ หารายได้เสริมหลังเลิกงาน ด้วยการประกอบอาชีพต่าง ๆ คุณจะได้พบเจอกับกลุ่มคนใหม่ ๆ นอกเหนือไปจากคนในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของนายจ้าง ลูกจ้าง  หรือแม้แต่พาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้พบกับ Connection ที่ดี สามารถต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้ และยังช่วยเสริมทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีในเวลาเดียวกัน

ได้สุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น
การทำงานเสริมจะไม่มีหัวหน้าหรือเจ้านายมาคอยคุมเหมือนงานประจำทำให้เวลาทำงานรู้สึกกดดันน้อยลง ช่วยลดภาวะเครียดเวลาทำงานและช่วยส่งเสริมให้สุขภาพจิตดีขึ้นตามไปด้วย 

ได้ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไปจากเดิม
ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานในบรรยากาศใหม่ ๆ ที่อาจไปทำงานตามร้านกาแฟ คาเฟ่ สถานที่ต่าง ๆ นอกเหนือจากภายในออฟฟิศ หรือได้แต่งตัวฟรีสไตล์ไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายเหมือนงานประจำส่วนใหญ่อีกด้วย

เรียกได้ว่าการมีอาชีพเสริมหลังเลิกงานนั้นมีข้อดีอยู่มากมายเลยทีเดียว จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมคนยุคใหม่ถึงอยากจะมีช่องทางการ หารายได้พิเศษ เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากงานประจำที่ทำอยู่ ซึ่งใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะหาทำงานเสริมดีหรือไม่ สามารถศึกษาข้อดีเหล่านี้ไว้ประกอบการตัดสินใจได้ แต่หากยังไม่รู้ว่าจะหารายได้จาก งานเสริมอะไรดี ขอแนะนำ GrabFood  และ GrabDriver อาชีพเสริมหลังเลิกงานที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน หากสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ https://www.grab.com/th/


7

หากคุณเคยมีประสบการณ์อยากมี บัตรเครดิตใบแรก ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและยังเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้จ่ายแต่สมัครยังไงก็ไม่ผ่านทั้งที่คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข ในบทความนี้ Krungsri Card จะมาบอก วิธีสมัครบัตรเครดิต ให้ผ่านง่ายแบบละเอียดยิบ

4 ขั้นตอนและ วิธีสมัครบัตรเครดิต ให้ผ่านง่ายแบบเจาะลึก
1. ตรวจสอบคุณสมบัติก่อนสมัคร
คุณสมบัติพื้นฐานของผู้สมัครบัตรเครดิต ได้แก่ เป็นผู้ที่มีอายุ 20 – 65 ปี, เป็นผู้มีรายได้ประจำเริ่มต้น 15,000 บาทขึ้นไปและต้องมีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
2. ประเมินรายได้คงเหลือด้วยตัวเอง
หลายคนที่มีฐานเงินเดือน 15,000 บาทแต่สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่านเป็นเพราะมีรายได้คงเหลือน้อยกว่า 40% ของรายได้ ซึ่งสถาบันการเงินเห็นว่าเป็นรายจ่ายที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันและไม่เพียงพอต่อการชำระค่าบัตรในอนาคต เช่น เงินเดือน 15,000 บาท, หักค่าประกันสังคม 750 บาทและผ่อนรถยนต์ 9,000 บาท ทำให้เงินคงเหลือเพียง 5,250 บาท เป็นต้น
3. เช็คเครดิต บูโร ให้เรียบร้อย
การเช็คเครดิตบูโร ด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารหรือติดต่อที่สาขาด้วยตัวเองได้ ซึ่งเราจะได้เห็นสถานะทางการเงินของตัวเองว่ามีหนี้คงค้างหรือไม่ หากมีหนี้คงค้างและดำเนินการชำระให้เรียบร้อย ก็จะสามารถสมัครบัตรเครดิตผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น
4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง
- พนักงานประจำ
สำหรับพนักงานประจำที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตใบแรกควรมีอายุงานอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป โดยต้องเตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้ชัดเจน, สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้เดือนล่าสุด, สำเนาหน้าแรกของบัญชีธนาคารและส่วนที่เป็นบัญชีเงินเดือนเข้านับจากปัจจุบันย้อนหลัง 6 เดือนหรือ Statement ย้อนหลังที่ขอจากธนาคารก็ได้ เอกสารทุกฉบับต้องเซ็นสำเนาถูกต้องและลงลายมือชื่อให้เหมือนกันครบทุกแผ่น
- อาชีพอิสระ
สำหรับผู้ที่มีอาชีพอิสระจะต้องเป็นเจ้าของกิจการที่จดทะเบียนการค้า/บริษัท/ห้างหุ้นส่วน ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป, มีกระแสเงินหมุนเวียนบัญชีขาเข้าย้อนหลัง 6 เดือนนับจากเดือนปัจจุบันขั้นต่ำเดือนละ 300,000 บาทขึ้นไปและจะต้องเป็นผู้ที่บัญชีเปิดมานานกว่า 1 ปี โดยเอกสารที่ใช้ในการพิจารณา ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, ใบทะเบียนการค้า หรือหนังสือรับรองบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน, สำเนาหน้าแรกของบัญชีธนาคารและรายการเดินบัญชีนับจากปัจจุบันย้อนหลัง 6 เดือน (ควรเป็นบัญชีที่ใช้หมุนเวียนเงินของกิจการ) กรณีใช้บัญชีบริษัทให้แนบสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นปัจจุบัน

การสมัคร บัตรเครดิตใบแรก ทั้ง 4 ขั้นตอนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสมัครบัตรให้ผ่านง่ายมากขึ้น

ทรัพย์สินรอการขาย  https://krungthai.com/th/content/contact-us/properties-for-sale



8

     พันธบัตรรัฐบาลถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุกที่ได้รับความนิยมมากของคนในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความมั่นคงสูง รวมถึงให้ผลตอบแทนในอัตราที่เหมาะสม ใครกำลังมองหา กองทุน เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนมากพอ วันนี้จะขอมาแนะนำข้อมูลเพื่อช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พันธบัตรรัฐบาลคืออะไร?

       พันธบัตรรัฐบาล คือ สัญญาทางการเงินที่รัฐบาลเป็นผู้ออกตราสารเพื่อระดมเงินทุนจากประชาชนและนักลงทุกที่สนใจ ซึ่งรัฐบาลจะนำเงินลงทุนที่ได้รับมาไปใช้ในการชำระหนี้หรือนำไปใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 3% พร้อมเงินต้นเมื่อครบสัญญา แน่นอนว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเสียเงินต้น ด้วยผู้ลงทุนเปรียบเสมือนเจ้าหนี้ รัฐบาลจึงมีหน้าที่จะต้องนำเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยมาจ่ายคืนตามกำหนดระยะเวลาในสัญญา
พันธบัตรรัฐบาลแบ่งออกเป็น 5 ประเภท

1. ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) พันธบัตรรัฐบาลแบบระยะสั้น ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งแบบ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี รัฐบาลจะจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนเป็นส่วนต่างของราคา
2. พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond) เป็นพันธบัตรที่มีเงื่อนไขเอื้อต่อนักลงทุนที่เป็นประชาชน ด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ประชาชนมีการออมมากขึ้น
3. พันธบัตรรัฐบาลแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate Government Bond) เป็นพันธบัตรแบบระยะยาว ซึ่งอายุของพันธบัตรมีให้เลือกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สูงสุด 50  ปี รัฐบาลจ่ายผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ โดยจ่ายปีละ 2 ครั้ง ส่วนเงินต้นจะจ่ายให้เมื่อไถ่ถอน
4. พันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ (Inflation-linked Bond) ไม่ระบุระยะเวลาของพันธบัตร แต่ระบุการจ่ายผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน ส่วนเงินต้นจะได้รับคืนเมื่อไถ่ถอน พร้อมกับชดเชยในส่วนของเงินเฟ้ออ้างอิงจากดัชนีเงินเฟ้อทั่วไป
5. พันธบัตรรัฐบาลอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating rate Bond) พันธบัตรมีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป รัฐบาลจ่ายผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย

ความแตกต่างของพันธบัตรรัฐบาลและกองทุนรวม
พันธบัตรรัฐบาลและ กองทุนรวม มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน  ดังนี้

พันธบัตรรัฐบาล
-จุดเด่นของพันธบัตรรัฐบาล
ความเสี่ยงต่ำ
ผลตอบแทนคงที่
ซื้อขายง่าย คล่องตัว
-จุดด้อยของพันธบัตรรัฐบาล
ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนในทรัพย์สินอื่น ๆ

กองทุนรวม
-จุดเด่นของ กองทุนรวม
มีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้
ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
กองทุนบางประเภทสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ผลตอบแทนสูง
-จุดด้อยของกองทุนรวม
การขาย กองทุน ต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 5 วันทำการจึงจะได้รับเงินคืน
มีความเสี่ยงสูงกว่าพันธบัตร
บางกองทุนมีค่าธรรมเนียมสูง

        ดังนั้นหากคุณต้องการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำควรเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแต่ต้องยอมรับผลตอบแทนแบบคงที่ แต่หากต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ควรเลือกลงทุนด้วยการ ซื้อกองทุน ssf หรือ rmf รวมที่ดำเนินการโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูง หรือเลือกกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการจัดสรรปันส่วนไปลงทุนทั้ง 2 ประเภทตามความเหมาะสม

วิธีซื้อพันธบัตรรัฐบาล

         เนื่องจาก พันธบัตรรัฐบาล เป็นที่ต้องการของตลาด ผู้ลงทุนจึงควรติดตามข่าวการเสนอขายในตลาดแรก (การซื้อขายพันธบัตรระหว่างรัฐบาลกับนักลงทุนโดยตรง) จากทางธนาคารพาณิชย์ โดยบุคคลทั่วไปจะสามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้นหน่วยละ 1 – 1,000 บาท
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลกับธนาคารกรุงไทยสามารถซื้อผ่านทางแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android หรือซื้อจากแอปเป๋าตังผ่านบริการวอลเล็ต สบม. โดยเริ่มต้นที่ 100 หน่วย หน่วยละ 1 บาทเท่านั้น สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายในตลาดรอง (การซื้อขายพันธบัตรระหว่างนักลงทุนกับนักลงทุน) สามารถติดต่อซื้อขายที่แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ได้เช่นกัน โดยผ่านบริการ Money Connect ซึ่งบริการนี้สามารถทำรายการด้วยตัวเองได้แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง และที่สำคัญไม่เสียค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย รวมถึงในกรณีที่คุณขายคืนพันธบัตรรัฐบาลจะได้รับเงินทันที

คุณสมบัติผู้จองซื้อพันธบัตรรัฐบาล
       สำหรับผู้ที่สามารถจองซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป แต่หากอายุยังไม่ครบ 20 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อนจึงจะสามารถซื้อพันธบัตรได้ รวมถึงจะต้องถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น และกลุ่มนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร เช่น มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์  สถานศึกษา และโรงพยาบาลของรัฐ

       การลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาล มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่อยากdca และนักลงทุนมืออาชีพที่มองหาความมั่นคงและผลตอบแทนที่แน่นอน ช่วยให้นักลงทุนบริหารเงินต้นได้อย่างเบาใจ และนอกจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่มเติมแต่ไม่มีเวลาจัดการการลงทุนด้วยตัวเอง สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง และต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้น การลงทุนด้วยการ ซื้อกองทุน รวมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีกองทุนให้เลือกลงทุนหลากหลาย สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตัวเองและเลือกลงทุนในกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงที่รับไหวได้ ที่สำคัญยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมืออาชีพมาบริหารจัดการกองทุนให้เกิดผลกำไรอีกด้วย

       หากสนใจลงทุนกับพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลได้ ที่นี่ และยังสามารถเข้าไปดูทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากกรุงไทยได้ที่ https://krungthai.com/th/content/personal/investment/mutual-funds

เงินเดือน 20000 เสียภาษีเท่าไหร่  https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1962



9

        แม้ลูกของคุณจะดูแข็งแรง แต่เด็กเล็กมักเจ็บป่วยบ่อย ซึ่งนอกจากจะสร้างความกังวลใจให้พ่อแม่แล้ว ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็อาจสูงจนทำให้การเงินของครอบครัวสะดุดได้ การมีประกันสุขภาพเด็กจึงช่วยป้องกันไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่

ประโยชน์ของการทำประกันสุขภาพเด็ก

1. ลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
ผู้ป่วยนอกอาจเสียเงินหลักพันบาทต่อครั้ง ส่วนผู้ป่วยในที่ต้องนอนโรงพยาบาล อาจเสียถึงหลักหมื่นบาท แต่ถ้ามีประกันจะช่วยแบ่งเบาภาระได้ทันที

2. เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น
พ่อแม่สามารถเลือกโรงพยาบาลเอกชนที่มีคุณภาพได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

3. คุ้มครองโรคร้ายแรง
โรคอย่าง RSV หรือโรคติดเชื้อในเด็กที่พบบ่อย มักต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก การทำประกันล่วงหน้าช่วยคุ้มครองได้ตั้งแต่ต้น

4. เลือกประกันสุขภาพเด็ก ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายอย่างไรให้เหมาะสม
ดูว่าโรคใดบ้างที่ประกันคุ้มครอง

5. เลือกแบบที่ครอบคลุมโรคยอดฮิตในเด็ก เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคติดเชื้อไวรัส
ตรวจสอบความครอบคลุมของวงเงิน
ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ต้องคุ้มครองเพียงพอ และโรงพยาบาลใกล้บ้านรองรับ

6. ค่าเบี้ยประกันต้องเหมาะสมกับรายได้
ไม่ควรเกิน 15% ของรายได้ครอบครัว

7. เลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ
บริษัทที่มีชื่อเสียงและแผนประกันหลากหลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

        สำหรับพ่อแม่ที่มองหาประกันสุขภาพที่คุ้มค่า “ประกันสุขภาพสุขใจ” จากธนาคารกรุงไทย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ประกันสุขภาพโรคร้ายแรงให้ความคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาทต่อปี พร้อมลดหย่อนภาษีได้

           หวังว่าบทความทั้งสองจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจเรื่องประกันเพื่อสุขภาพเด็กได้ง่ายขึ้นและเลือกแผนที่เหมาะกับลูกน้อยได้นะคะ


10


การลงทุนในกองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) และ SSF (Super Savings Fund) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการ Thai ESG (Environmental, Social, and Governance) ยังเป็นแนวทางที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีคำนวณการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนใน RMF/SSF และ Thai ESG  กองทุนรวม อย่างละเอียด

1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ RMF และ SSF

### RMF คืออะไร?
RMF เป็นกองทุนรวมที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณอายุ โดยผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุนใน RMF ในแต่ละปี

### SSF คืออะไร?
SSF เป็นกองทุนรวมที่มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาวและลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกับ RMF

## 2. วิธีคำนวณการลดหย่อนภาษี

### การลดหย่อนภาษีจาก RMF
การลงทุนใน RMF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี

**ตัวอย่างการคำนวณ**:
- หากคุณมีรายได้ที่ต้องเสียภาษี 1,000,000 บาท และลงทุนใน RMF 200,000 บาท คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท (30% ของ 1,000,000 บาท) แต่จะลดหย่อนได้เพียง 200,000 บาทเท่านั้น

### การลดหย่อนภาษีจาก SSF
สำหรับ SSF ผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 10 ปี

**ตัวอย่างการคำนวณ**:
- หากคุณมีรายได้ที่ต้องเสียภาษี 800,000 บาท และลงทุนใน SSF 150,000 บาท คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 240,000 บาท (30% ของ 800,000 บาท) แต่จะลดหย่อนได้เพียง 150,000 บาทเท่านั้น

## 3. การลงทุนใน Thai ESG

การลงทุนใน Thai ESG เป็นการลงทุนที่ไม่เพียงแต่พิจารณาผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ลงทุนมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืน

### วิธีการลงทุนในthaiesg ลดหย่อนภาษี
- **เลือกกองทุนที่มีการลงทุนใน ESG**: ควรเลือกกองทุนที่มีการประเมินและจัดอันดับตามมาตรฐาน ESG
- **ศึกษาข้อมูล**: ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและโครงการที่ลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของคุณมีความรับผิดชอบต่อสังคม

การลงทุนใน RMF, SSF และ Thai ESG เป็นวิธีที่ดีในการลดหย่อนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคำนวณการลดหย่อนภาษีและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนได้อย่างเต็มที่

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนใน RMF/SSF หรือ Thai ESG หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณได้เลย

11
เมื่อสภาพคล่องทางการเงินมีปัญหาทำให้หลายคนเริ่มมองหา สินเชื่อส่วนบุคคลดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติสินเชื่อง่าย เพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในชีวิตประจำวันหรือนำมาเป็นเงินลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ สินเชื่อจากธนาคารกรุงไทยจึงได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ อีกทั้งยังคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้วงเงินกู้สูง และระยะเวลาผ่อนนาน เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลดอกเบี้ยต่ำ วันนี้จะขอมาแนะนำ สินเชื่อธนาคาร กรุงไทยที่น่าสนใจไว้ให้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณ

สินเชื่อส่วนบุคคล กรุงไทยมีจุดเด่นอะไรบ้าง?
ธนาคารกรุงไทยได้ออกแบบโครงการสินเชื่อที่สามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่มีความหลากหลายได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการลงทุน สินเชื่อเพื่ออิสระในการใช้จ่าย หรือสินเชื่อเงินก้อนเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งสินเชื่อเหล่านี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
ไม่จำกัดอาชีพผู้ขอ กู้ธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรือพนักงานประจำที่มีฐานเงินเดือนขั้นต่ำก็กู้ได้
รูปแบบการชำระเงินคืนแบบลดต้นและลดดอกเบี้ยไปพร้อมกัน ช่วยให้คุณปิดจบโครงการเงินกู้ได้เร็วขึ้น
มีโครงการสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้คนค้ำประกันให้เลือก
มีกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระคืนนาน เพื่อให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระในแต่ละเดือนมากเกินไป
วงเงินอนุมัติสูงเพิ่มอิสระในการใช้จ่าย

แนะนำ สินเชื่อธนาคาร กรุงไทยดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง

1. สินเชื่ออเนกประสงค์ เพื่อเป็นสวัสดิการข้าราชการ พนักงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ
สินเชื่อ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อข้าราชการ พนักงานราชการ และรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะ อนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 5 ล้านบาท สำหรับกรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 2 ล้านบาท กรณีไม่มีบุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ MRR +0.75% ต่อปี ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 20 ปี เหมาะสำหรับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน เจ้าหน้าที่องค์การของรัฐ ที่มีอายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีเงินเดือนตั้งแต่ 13,000 บาทขึ้นไป กรณีเป็นพนักงานสัญญาจ้างต้องมีสัญญาจ้างไม่น้อยกว่า 2 ปี อายุงานต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปี และรับเงินเดือนไม่น้อยกว่า 15,000 บาท

2. สินเชื่อ กรุงไทยธนวัฏ
สินเชื่อเงินสดสำรองพร้อมใช้ อนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 15 เท่าของเงินเดือน อัตราดอกเบี้ยคิดตามจำนวนเงินที่ใช้จริง เริ่มต้นที่ MRR+3.50% ต่อปี เหมาะสำหรับหน่วยงานที่มี MOU กับธนาคาร สามารถยื่น กู้ธนาคาร ได้ทั้งข้าราชการและพนักงานเอกชน จะมีหรือไม่มีผู้ค้ำประกันก็ได้

3. สินเชื่ออเนกประสงค์สำหรับผู้รับบำนาญ บำเหน็จรายเดือน และผู้รับบำเหน็จพิเศษรายเดือน
สินเชื่อวงเงินสูง อนุมัติ เงินกู้ ได้สูงสุด 100% ของหนังสือรับรองสิทธิ สามารถเลือกวิธีการชำระคืนได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย และชำระเฉพาะดอกเบี้ย ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 40 ปี อัตราดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 3.99% ต่อปี สมัครง่าย อนุมัติเร็วภายใน 1 วัน
สินเชื่อโครงการเงินกู้อเนกประสงค์เพื่อเป็นสวัสดิการพนักงานหน่วยงานเอกชน
สินเชื่อวงเงินพิเศษสำหรับพนักงานเอกชนที่ต้องการใช้เงินก้อน อนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 5 ล้านบาท ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานสุด 15 ปี ยื่น กู้เงินธนาคาร ได้โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MRR +1.50% ต่อปี เหมาะสำหรับพนักงานเอกชนทั้งที่เป็นพนักงานประจำและพนักงานที่มีสัญญาจ้างงาน อายุงาน 3 ปีขึ้นไป และได้รับเงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท

4. สินเชื่อ Smart Money
สินเชื่อเงินสด วงเงินอนุมัติสูงสุด 5 เท่าของรายได้ แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักประกันหรือคนค้ำประกันก็กู้ได้ เหมาะสำหรับพนักงานประจำและผู้ประกอบการรายย่อยที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน อัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก เริ่มต้น 9.99% ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 5 ปี

5. สินเชื่อกรุงไทยเปย์เดะ
สินเชื่อ วงเงินอนุมัติสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ออกแบบมาเพื่อผู้รับเงินเดือนผ่านบัญชีกรุงไทยที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยต่ำ MRR+7% ต่อปี ให้ระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี อนุมัติเร็วและไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ที่สนใจสามารถยื่นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ได้ด้วยตัวเอง

6. สินเชื่อกรุงไทยใจป้ำ
สินเชื่อเงินสด กรุงไทยใจป้ำให้วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน ไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 20% ต่อปี ผ่อนชำระคืนขั้นต่ำเพียงเดือนละ 300 บาท ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 5 ปี สามารถสมัครขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และเป๋าตัง โดยไม่ต้องใช้คนค้ำหรือหลักประกัน อนุมัติไวภายใน 1 วัน เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน

7. สินเชื่อโครงการเงินกู้สวัสดิการข้าราชการการเมืองท้องถิ่น สังกัด อบต. อบจ. และเทศบาล
สินเชื่อที่ถูกออกแบบมาเพื่อข้าราชการการเมืองท้องถิ่น สังกัด อบต. อบจ. และเทศบาลที่มีบุคคลค้ำประกันโดยเฉพาะ อนุมัติวง เงินกู้ สูงสุด 5 เท่าของรายได้ ไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ MRR +3.50% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา และเป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

สินเชื่อส่วนบุคคลเหมาะกับใครบ้าง?
สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นผลิตภัณฑ์ เงินกู้ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเงินสดวงเงินสูง ใช้เวลาผ่อนชำระนาน และชำระคืนเป็นเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเป็นงวด จึงเหมาะสำหรับคนหลากหลายกลุ่ม ดังนี้
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนเพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนเพื่อเติมเต็มอิสระในการใช้ชีวิต
เหมาะสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ต้องใช้เงินทุนในการประกอบอาชีพ
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว

สำหรับเคล็ดลับเตรียมเอกสารขอ สินเชื่อธนาคาร ให้ผ่านได้ง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้
เตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน รายการเดินบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองการหักเงินเดือน และหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน
ติดต่อธนาคารกรุงไทยสาขาใกล้บ้าน เพื่อยื่นเรื่องขอ กู้เงินธนาคาร
หากได้รับการอนุมัติธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีที่คุณแจ้งไว้

ธนาคารกรุงไทยประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125 - 0.25% มีผลตั้งแต่ 1 พ.ย. 2567
ข่าวดีเฉพาะลูกค้าสินเชื่อกรุงไทย ธนาคารกรุงไทยปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125 - 0.25% ต่อปี สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่มียอดสินเชื่อกับธนาคาร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลที่อยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคารฯ ให้มีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้นและปิดจบภาระหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมาตรการช่วยเหลือนี้ได้รับอนุมัติขยายระยะเวลาต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568

การเลือกสินเชื่อเพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้สินควรยื่นกู้ในวงเงินที่คุณจ่ายคืนไหวและหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เพื่อรักษาประวัติการเงินที่ดี สำหรับใครที่สนใจ สินเชื่อส่วนบุคคล โครงการต่าง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสมัครได้ ที่นี่ และยังสามารถเข้าไปดูผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมจาก กรุงไทยได้ที่ https://krungthai.com ทุกช่วงเวลาที่คุณสะดวก



12

   กู้เงินเรียน หรือ สินเชื่อเพื่อการศึกษา เป็นเงินกู้ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายทางการศึกษา มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและมีระยะผ่อนชำระนาน การกู้เงินเพื่อการเรียนเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต การกู้เงินต้องมีภาระเงินต้นและดอกเบี้ยที่เราต้องชำระคืน ทำให้เราต้องวางแผนการใช้เงินกู้และวางแผนการชำระคืนเงินกู้ให้เหมาะสม การกู้เงินสำหรับการศึกษานั้นจะช่วยสร้างความรับผิดชอบและช่วยให้เราเรียนหนังสืออย่างมีเป้าหมาย

   เราสามารถ กู้เงินเรียน ได้จากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) สินเชื่อเพื่อการศึกษา และสินเชื่ออเนกประสงค์ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารต่าง ๆ ดังนี้

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)

กู้ยืมได้ตั้งแต่ระดับมัธยมปลายถึงปริญญาโท ใช้บุคคลค้ำประกัน
อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี เริ่มผ่อนชำระหลังจบการศึกษาหรือออกจากการศึกษามาแล้ว 2 ปี โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี นับตั้งแต่การเริ่มชำระหนี้ครั้งแรก

1. ‘สินเชื่อเพื่อการศึกษาภายในประเทศ’ และ ‘สินเชื่อเพื่อการศึกษาต่างประเทศ’ ของธนาคารกรุงไทย
กู้ยืมได้ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงปริญญาเอก รวมถึงการศึกษาต่อต่างประเทศ สามารถใช้บุคคล บัญชีเงินฝาก หรือหลักทรัพย์มาค้ำประกัน
อัตราดอกเบี้ย 2.25% - 9.22% ต่อปี ขึ้นอยู่กับการค้ำประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 10 ปี

2. ‘สินเชื่อชีวิตสุขสันต์’ ของธนาคารออมสิน
เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ โดยใช้บัญชีเงินฝาก หรือสลากออมสินพิเศษมาค้ำประกัน
อัตราดอกเบี้ย 2.25% - 4.116% ต่อปีขึ้นอยู่กับการค้ำประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 10 ปี

3. ‘สินเชื่อบุคคลที่มีบัญชีเงินฝากเป็นหลักประกัน’ ของธนาคารกรุงเทพ
เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ โดยใช้บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์หรือบัญชีเงินฝากประจำมาค้ำประกัน
อัตราดอกเบี้ย 2.0% - 3.5% ต่อปีขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีเงินฝากที่นำมาค้ำประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 10 ปี

4. ‘สินเชื่อ ทีทีบี เอสเอ็มอี เงินฝากค้ำประกัน’ ของธนาคารทีทีบี
เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ โดยใช้บัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน มาค้ำประกัน
อัตราดอกเบี้ย 3.28% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 10 ปี

 เงินกู้จาก กยศ. สามารถยื่นกู้ได้ที่สถานศึกษา กยศ. เป็นเงินกู้รายปี และต้องยื่นกู้ใหม่ทุกปีถ้าต้องการเงินกู้ต่อเนื่อง ส่วนเงินกู้จากธนาคารสามารถยื่นกู้ได้ที่สาขาธนาคารได้ตลอดปี

เงินกู้จาก กยศ. เป็นเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยต่ำ และมีระยะเวลาผ่อนชำระนาน แต่ผู้กู้ยืมต้องเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่มีคุณสมบัติตามประกาศคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ถ้าท่านมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนด สามารถ กู้เงินเรียน ได้จากธนาคารที่ให้บริการสินเชื่อ

      เงินกู้จากธนาคารกรุงไทย และเงินกู้จาก กยศ. เป็น สินเชื่อเพื่อการศึกษา กู้เงินเรียนต่อต่างประเทศ โดยเฉพาะ จึงพิจารณาวงเงินจากค่าใช้จ่ายที่ใช้เพื่อการศึกษา และสามารถใช้บุคคลมาค้ำประกันได้ ส่วนสินเชื่ออเนกประสงค์จะพิจารณาจากมูลค่าของรายการที่นำมาค้ำประกัน
        ถ้าท่านมีสลากออมสินพิเศษมูลค่าตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ท่านสามารถนำมากู้เงินได้ 95% ของมูลค่าสลาก ได้ดอกเบี้ยต่ำและยังรับรางวัลจากสลากออมสินพิเศษตามปกติ

        เงินกู้จากธนาคารกรุงเทพมีดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารอื่นเมื่อใช้บัญชีออมทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ โดยกู้ได้ 100% ของยอดเงินฝาก
เงินกู้จากธนาคารทีทีบีมีดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารเมื่อใช้บัญชีเงินฝาก 12 เดือนค้ำประกันเงินกู้ โดยกู้ได้ 100% ของยอดเงินฝาก ที่กำหนดวงเงินกู้ขั้นต่ำไว้ที่ 300,000 บาท

       เริ่มวางแผนการเงินเพื่อการศึกษาได้ โดยพิจารณาเลือก สินเชื่อเพื่อการศึกษา ที่เหมาะกับความต้องการ


13


ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างสะดวกสบาย แต่ในขณะเดียวกัน ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อให้คุณสามารถใช้บริการได้อย่างมั่นใจ

## กระเป๋าเงินดิจิทัล digital wallet คือ อะไร?

กระเป๋าเงินดิจิทัลคือแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บเงิน ทำธุรกรรม และชำระเงินออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต กระเป๋าเงินดิจิทัลมีหลายประเภท เช่น แอปพลิเคชันบนมือถือ บริการออนไลน์ และการเชื่อมต่อกับบัตรเครดิตหรือเดบิต

## ความสำคัญของความปลอดภัยในกระเป๋าเงินดิจิทัล

การใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลมีความสะดวกสบาย แต่การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้มีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมหรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้น การเลือกใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

## วิธีปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัล

### 1. เลือกกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เชื่อถือได้

การเลือกใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลจากผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองเป็นสิ่งสำคัญ ควรตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้คนอื่น ๆ และดูว่ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอหรือไม่

### 2. ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง

การตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อนและไม่ซ้ำกับบัญชีอื่น ๆ เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณ ควรใช้ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน และเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ

### 3. เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น

การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย โดยจะต้องมีการยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น การส่งรหัส OTP ไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณ

### 4. อัปเดตแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลมักจะมีการอัปเดตแอปพลิเคชันเพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ควรตรวจสอบและอัปเดตแอปพลิเคชันของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าคุณใช้เวอร์ชันที่ปลอดภัยที่สุด

### 5. ระมัดระวังในการเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ

การใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลผ่าน Wi-Fi สาธารณะอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย และพิจารณาใช้ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

การใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายในการจัดการการเงิน แต่การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ด้วยการปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวถึงในบทความนี้ คุณจะสามารถใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลหรือวิธีการรักษาความปลอดภัย สามารถติดต่อเราหรือแสดงความคิดเห็นด้านล่างได้เลย!



14



การเบิกจ่ายตรงสำหรับข้าราชการเป็นสิทธิที่สำคัญ ที่ช่วยให้ข้าราชการสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกสบาย แต่หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างในการขอเบิกจ่ายตรง วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลและเอกสารที่จำเป็นต้องใช้กัน

## สิทธิในการเบิกจ่ายตรง

ข้าราชการมีสิทธิในการเบิกจ่ายตรง ซึ่งหมายถึงการที่ข้าราชการสามารถรับบริการทางการแพทย์โดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน โดยจะมีการเบิกจ่ายจากหน่วยงานที่ดูแลให้ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

## ขั้นตอนการเช็คสิทธิการรักษาเบิกจ่ายตรง

การเช็กสิทธิเบิกจ่ายตรงนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้:

1. **เข้าสู่เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง**: ข้าราชการสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของหน่วยงานที่ดูแลสิทธิการรักษาพยาบาล เช่น สำนักงานประกันสังคม หรือกระทรวงการคลัง
2. **กรอกข้อมูลส่วนตัว**: โดยทั่วไปจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประจำตัวประชาชน ชื่อ-นามสกุล และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. **ตรวจสอบสถานะสิทธิ**: หลังจากกรอกข้อมูลแล้ว ระบบจะทำการตรวจสอบสิทธิและแสดงผลให้ทราบว่า สามารถเบิกจ่ายตรงได้หรือไม่

## เอกสารที่ต้องเตรียมในการเบิกจ่ายตรง

เมื่อเช็กสิทธิแล้ว หากพบว่าสามารถเบิกจ่ายตรงได้ ข้าราชการจะต้องเตรียมเอกสารต่อไปนี้เพื่อใช้ในการเบิกจ่าย:

1. **บัตรประจำตัวประชาชน**: เพื่อยืนยันตัวตนและสิทธิในการเบิกจ่าย
2. **เอกสารรับรองสิทธิ**: เช่น หนังสือรับรองจากหน่วยงานที่ทำงานอยู่ หรือเอกสารที่แสดงถึงสถานะข้าราชการ
3. **ใบเสร็จรับเงิน**: ในกรณีที่มีการสำรองจ่ายก่อน ต้องมีใบเสร็จรับเงินจากสถานพยาบาล
4. **เอกสารการรักษาพยาบาล**: เช่น รายงานการรักษา หรือใบส่งตัวจากแพทย์ เพื่อยืนยันการรักษาที่เกิดขึ้น

คำแนะนำในการเตรียมเอกสาร

เพื่อให้การเบิกจ่ายตรงเป็นไปอย่างราบรื่น ข้าราชการควรตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนที่จะนำไปยื่นเบิกจ่าย นอกจากนี้ ควรเก็บสำเนาเอกสารไว้เพื่อใช้ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบในอนาคต


การเช็กสิทธิเบิกจ่ายตรงสำหรับข้าราชการเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกสบาย โดยการเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนจะทำให้การเบิกจ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเบิกจ่ายตรง สามารถติดต่อหน่วยงานที่ดูแลสิทธิการรักษาพยาบาลได้โดยตรง

**หากคุณพบข้อมูลนี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้กับเพื่อนข้าราชการคนอื่น ๆ เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยเกี่ยวกับสิทธิการเบิกจ่ายตรงกันนะคะ!**


15
   มีเงินน้อย รายได้น้อยก็อยากลงทุนเหมือนใครเขาบ้าง แต่ด้วยตัวเราเองก็ งบน้อยลงทุนอะไรดี วันนี้เรามีวิธีลงทุนให้กับมือใหม่ที่อยากลงทุนแต่ไม่รู้ว่าจะลงทุนด้านไหนมาแนะนำ มาดูกันว่าจะมีวิธีลงทุนไหนที่น่าสนใจกันบ้าง

ฝากประจำ
        งบน้อยลงทุนอะไรดี หากยังไม่รู้ว่าจะลงทุนอะไรดี แนะนำให้เริ่มจากการเก็บออมเงินเพื่อให้มีทุนสักก้อน ก่อนที่จะมองหาวิธีการลงทุน การลงทุนต้องใช้เงินเพื่อเริ่มต้น การฝากประจำแม้จะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน้อย แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เพราะเราจะได้รับเงินต้นที่เราใส่ไปทุกเดือนครบทุกบาททุกสตางค์ พร้อมดอกเบี้ยตามระยะเวลาและเงื่อนไขของการฝากประจำอีกด้วย

การซื้อประกันสะสมทรัพย์
   การซื้อประกันสะสมทรัพย์ เป็นอีกทางเลือกของคนที่กำลังมองหาลู่ทางการลงทุน โดยเฉพาะ มือใหม่ควรลงทุนอะไรดี การซื้อประกันออมทรัพย์ นับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ มีการการันตีผลตอบแทนในอนาคตเป็นจำนวนที่แน่นอนตามสัญญาตั้งแต่วันเริ่มทำประกัน ใครที่มีงบน้อยก็สามารถแบ่งจ่ายเบี้ยจากก้อนใหญ่ ซอยย่อยเป็นรายเดือนได้ นอกจากการันตีผลตอบแทนแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองชีวิตตามสัญญาประกัน หากเราเสียชีวิตในระหว่างสัญญา ผู้ที่อยู่ข้างหลังเราก็จะได้รับเงินจากความคุ้มครองเป็นมรดก ทิ้งไว้ให้คนข้างหลังมีเงินทุนสำหรับดำรงชีวิตต่อไปได้

ลงทุนเปิดธุรกิจ
   การลงทุนเปิดกิจการใครว่าต้องมีเงินก้อนโตเพียงอย่างเดียว มีหลายธุรกิจที่เริ่มต้นจากงบหลักร้อยหลักพัน เลือกธุรกิจที่เรามองเห็นโอกาส สามารถลุกมาทำได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอให้มีเงินทุนมาก เช่น เปิดร้านขายขนมหรือของกินเล็ก ๆ ขายหมูปิ้ง แซนด์วิชก่อนไปทำงาน หรือขายของช่วงวันหยุด หรือทำธุรกิจออนไลน์ เป็นต้น มือใหม่ควรลงทุนอะไรดี การเป็นเจ้าของธุรกิจถือเป็นอีกหนทางของการลงทุนที่เราสามารถเก็บเกี่ยวกำไรจากการขายได้ทุกวัน แม้จะได้วันละเล็กละน้อย แต่หากเก็บสะสมทุกวันก็ทำให้เรามีเงินออมงอกเงยได้เช่นกัน เผลอ ๆ การลงทุนเปิดกิจการเล็ก ๆ นี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจใหญ่โตได้ในอนาคต การลงทุนแบบนี้ยิ่งวางแผนเร็วยิ่งได้เปรียบ

   นอกจากนี้ ยังมีวิธีการลงทุนสำหรับคนงบน้อยที่น่าสนใจอีกมากมายที่มือใหม่สามารถลงทุนได้ อาทิ เช่น การซื้อประกันสะสมทรัพย์ ลงทุนหุ้น ลงทุนตราสารหนี้ ทุกการลงทุนมีเงื่อนไขและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน หากคิดในแง่ดี การที่เราหาทางลงทุนมีความเสี่ยงน้อยกว่าการที่เราเก็บเงินไว้กับธนาคารเฉย ๆ เพราะสุดท้ายแล้ว เงินออมเพียงเล็กน้อยกับจำนวนดอกเบี้ยที่ได้รับ ก็ไม่สามารถเอาชนะค่าของเงินเฟ้อได้ หากไม่อยากให้เงินเราเสียมูลค่าลงไปอย่างเปล่าประโยชน์ แนะนำให้หาวิธีการลงทุนให้เงินงอกเงย โดยเป็นการลงทุนที่เราได้ศึกษาเองอย่างละเอียด และรับความเสี่ยงได้จะดีกว่า




หน้า: [1] 2 3