หลายคนมองว่าการทำประกันชีวิตเป็นเพียงค่าใช้จ่าย แต่ในความเป็นจริง หากเลือกแผนประกันให้เหมาะสม ก็สามารถเป็นการลงทุนทางการเงินที่คุ้มค่า และยังช่วยประหยัดภาษีได้อีกด้วย โดยเฉพาะสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ต้องยื่นภาษีทุกปี
แผนประกันที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้มีอยู่หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่ผสมผสานระหว่างการออมเงินและการคุ้มครองชีวิต หากถือจนครบกำหนดก็จะได้รับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากประจำกับธนาคาร ทั้งยังสามารถใช้
วิธีลดหย่อนภาษีได้ภายในวงเงิน 100,000 บาทต่อปี
สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายด้านการลงทุนในระยะยาว อาจเลือกทำประกันชีวิตแบบควบการลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนตามภาวะตลาด เบี้ยประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนได้จะนับเฉพาะส่วนของความคุ้มครองที่มีระยะเวลาเกิน 10 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องรวมเบี้ยกับประกันชีวิตประเภทอื่นและไม่เกิน 100,000 บาท
อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจคือ
ประกันลดหย่อนภาษี ซึ่งช่วยให้มีรายได้ต่อเนื่องหลังเกษียณ โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 200,000 บาท และเมื่อรวมกับสิทธิการลงทุนเพื่อเกษียณในกองทุน
เลือกกองทุนน่าสนใจ 2566 RMF หรือ SSF ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุดรวมกันถึง 500,000 บาท
หากต้องการขยายสิทธิการลดหย่อนภาษีให้มากขึ้น ควรพิจารณาการลงทุนในกองทุนรวมระยะยาวควบคู่กับประกันชีวิต เช่น กองทุน RMF หรือ SSF ซึ่งธนาคารกรุงไทยและบลจ.กรุงไทยได้ออกแบบกองทุนไว้รองรับหลากหลายความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงหรือต้องการการลงทุนแบบผสม ก็สามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตนเองได้
การจัดการภาษีอย่างชาญฉลาดไม่จำเป็นต้องรอจนถึงสิ้นปี เพียงเริ่มจากการทำประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มครองและเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ก็สามารถเพิ่มสิทธิประโยชน์
ปัญหาเงินกู้นอกระบบ ด้านภาษีและความมั่นคงในอนาคตได้ในคราวเดียว