ผู้เขียน หัวข้อ: ระบบไม้กั้นอ่านป้ายทะเบียน แขนกั้นรถยนต์ กล้องอ่านป้ายทะเบียน ไลน์@charoentech  (อ่าน 1753 ครั้ง)

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

025192654

  • บุคคลทั่วไป

สวัสดีครับวันนี้ผม นายณัฐพล เริ่มฤกษ์
ขอประกาศตัวร่วมกับ พ.ต.ต.เอกพจน์ มณี
ปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ
ในเขตความรับผิดชอบของ สน.ลาดพร้าว

เนื่องจากเมื่อวานนี้ เวลา23.20น.
ผม นายณัฐพล เริ่มฤกษ์ ทำการจัดบ้านพัก
เพื่อทำลายทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกกะเทย
ออกจากชีวิตไปให้หมดตามคำสั่งของคุณพ่อผม
เพราะว่าคุณพ่อผมบอกให้ผมเลิกเป็นนักจิตวิทยา
โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผมเข้าใกล้
พวกเด็กข้ามเพศ ผมก็เชื่อฟังคุณพ่อผม
เพราะว่าคุณพ่อผม มีเหตุผล ผมจึงรับปาก
กับคุณพ่อผมว่าจะไม่เข้าใกล้พวกเด็กกะเทยอีก
ทันใดนั้นเองเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
กับผม นายณัฐพล เริ่มฤกษ์ เมื่อผมเจอสูติบัตร
ระบุชาติกำเนิดว่าแท้จริงแล้วตัวผมนี้
คือ หม่อมหลวงณัฐพล เทวกุล
ผมจึงรีบโทรศัพท์ไปถามคุณพ่อคุณแม่ทันที
ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณแม่ก็ตอบว่า
ใจเย็นๆสิ ชายหนึ่ง สาเหตุที่พ่อกับแม่
ไม่อยากให้ ชายหนึ่ง รู้ชาติกำเนิด
ก็เพราะอยากให้ ชายหนึ่ง ใช้ชีวิต
อยู่ในชุมชน ปกป้องชุมชน อย่างที่
ชายหนึ่ง ตั้งใจไว้ เมื่อผมได้รับคำตอบ
จากคุณแม่ ผมเหงื่อตก ทำอะไรไม่ถูก

จึงรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาแล้วติดต่อ
แจ้งให้ พ.ต.ต.เอกพจน์ มณี รับทราบ
ต่อมาวันนี้ เวลา7.20น.
ผมได้นำเอกสารสูติบัตรมาลงบันทึกประจำวัน
ที่ สน.ลาดพร้าว ตามคำแนะนำ
ของ พ.ต.ต.เอกพจน์ มณี ด้วยความตื่นเต้น
ผมจึงรีบสอบถาม พ.ต.ต.เอกพจน์ มณี
ว่าผมจะต้องทำอย่างไรต่อไป
พ.ต.ต.เอกพจน์ มณี ตอบกลับมาว่า
คุณชายครับ ในบัตรประชาชนของคุณชาย
ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนนามสกุลหรอกครับ
เพราะตราบใดที่คุณชายยังถืออุดมคติ
เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่
กรุณาปราณีต่อประชาชน
อดทนต่อความเจ็บใจ
ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก
ไม่มักมากในลาภผล
มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ดำรงตนในยุติธรรม
กระทำการด้วยปัญญา
รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต
เลือดในตัวของคุณชายย่อมเป็นเทวกุล
ภรรยาของคุณชาย ก็คือ ดวงใจเทวกุล

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

lungthiwa2503

  • บุคคลทั่วไป

• “พระตุ๊ดผิดตรงไหน” เป็นคำถามที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การจะหาคำตอบคงไม่ง่ายนัก ที่จะฟันธงไปเลยว่า ‘ผิดหรือถูก’ เพราะขึ้นอยู่กับว่าคำตอบที่ได้เป็นมุมมองจากใคร และมาจากวิธีคิดแบบไหน
• ในมุมมองของกลุ่มชาวพุทธที่ Conservative ก็คงจะตอบว่า ‘ผิด’ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะนิกายเถรวาทเชื่อกันว่าสามารถรักษาความออจิรินัลของคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ได้ยาวมาจนถึงทุกวันนี้ และยังเชื่อกันว่าเป็นผู้ที่จะยังคงรักษาความเป็น Authentic ของพุทธศาสนาไว้ และจะต้องรักษาแบบนี้ไว้ให้ได้ในโลกปัจจุบันและอนาคตด้วย ดังนั้นการพิทักษ์คำสอนของพระพุทธเจ้าจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ
• ในแง่หนึ่ง หากมองในแง่สังคม ในโลกปัจจุบัน กับศาสนาที่ควรอนุวัตไปตามบริบทโลก บริบทสังคม คำตอบคงเป็นไปในทำนองของการอนุโลมมากกว่า คือไม่ยืนยันว่าผิดหรือถูก แต่พออนุโลมได้หากอยู่ภายใต้ข้อกำหนด และข้อกำกับพฤติกรรมจากพระธรรมวินัย
น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อ ธัญ-ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ผู้ประกาศตนว่าเป็น ส.ส. LGBT ได้ออกมาตั้งคำถามต่อสังคมว่า “พระตุ๊ดผิดตรงไหน”
คำถามดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างยิ่ง และมีความคิดเห็นแตกต่างกันหลากหลายมุมมอง
จริงๆ แล้วคำถามนี้ถือว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจมากคำถามหนึ่ง ซึ่งจะเป็นคำถามตั้งต้นที่จะนำไปสู่คำถามและคำตอบอีกมากมาย แต่หากจะชวนกันมาไขคำตอบก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักหากจะฟันธงไปเลยว่า ‘ผิดหรือถูก’
สิ่งที่น่าสนใจและพอจะช่วยไขคำตอบนั้นได้คือ การตั้งคำถามต่อคำถามนี้ของธัญมากกว่า “เราจะเอาคำตอบจากใคร จากมุมมองใด จากวิธีคิดไหน” และนั่นอาจจะเป็นคำตอบ
ดังนั้นจึงจะขอแบ่งคำตอบออกมากว้างๆ 2 กลุ่มคำตอบใหญ่ ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่าคำตอบที่ได้อาจจะไม่ได้ตรงใจฝ่ายใด หรือผู้ที่ต้องการคำตอบแบบชี้ชัด
คำตอบจากกลุ่มแรก แน่นอนว่าการตั้งคำถามเช่นนี้ ในมุมมองของกลุ่มชาวพุทธที่ Conservative ก็คงจะตอบว่า ‘ผิด’ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะการตั้งคำถามเช่นนี้ในมุมมองของชาวพุทธกลุ่มนี้ ก็ไม่ต่างจากการเอาวิธีคิดของโลกยุคปัจจุบันไปตั้งคำถามกับโลกเมื่อ 2500 กว่าปีที่ผ่านมา กับโลกทัศน์ความเชื่อของชาวพุทธแบบเถรวาท ต้องย้ำว่าเถรวาท เพราะนิกายเถรวาทเชื่อกันว่าสามารถรักษาความออริจินัลของคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ได้ยาวมาจนถึงทุกวันนี้ และยังเชื่อกันว่าเป็นผู้ที่จะยังคงรักษาความเป็น Authentic ของพุทธศาสนาไว้ และจะต้องรักษาแบบนี้ไว้ให้ได้ในโลกปัจจุบันและอนาคตด้วย
ดังนั้นการพิทักษ์คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เชื่อกันว่ายังคงบริสุทธิ์อยู่และได้รับการสืบทอดกันมาในรูปแบบของพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎกจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ
ในพระวินัยอันเป็นส่วนหนึ่งในพระไตรปิฎกนั้น กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าพุทธองค์ทรงห้ามให้บัณเฑาะก์บวช หรือหากบวชอยู่ก็ให้สึกออกเสียจากสมณเพศ โดยข้อบัญญัติดังกล่าวเกิดขึ้นจากเหตุที่ว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่งเป็นบัณเฑาะว์เกิดความกำหนัด จึงได้ไปไหว้วานให้พระภิกษุด้วยกันว่า “จงมาทำประทุษร้ายข้าพเจ้า” แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง แถมยังโดนตำหนิจากพระสงฆ์อีก จึงไปขอสามเณรที่รูปร่างหน้าตาดีอีกครั้ง ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงไปขอคนเลี้ยงช้างเลี้ยงม้า
ปัญหาจึงเกิดเมื่อคนเลี้ยงช้างเลี้ยงม้าเอาความนี้ไปเล่าต่อกันว่า พระศากยบุตร หมายถึงบุตรแห่งพุทธองค์ (ตามความเชื่อเถรวาท เราถือว่าสงฆ์ทุกรูปเป็นศากยบุตร) เป็นบัณเฑาะก์ พุทธองค์จึงทรงบัญญัติห้ามไว้ จากบทบัญญัตินี้จึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดกรองพระสงฆ์ที่จะบวชในบทขานนาคที่ว่า ‘ปุริโสสิ’ ที่แปลว่า ‘เป็นชายหรือไม่’
จากข้อบัญญัตินี้ ชาวพุทธกลุ่มนี้จึงมองว่าบัณเฑาะก์เป็นเพศลุ่มหลงในกามคุณและจะทำให้ศาสนาเสื่อมลง
ดังนั้นการตั้งคำถามว่าพระตุ๊ดผิดไหม ผิดตรงไหน แน่นอนคำตอบจากชาวพุทธกลุ่มนี้จึงเท่ากับว่า ‘ผิด’ แน่ๆ แล้วที่ผิดในที่นี้ก็ผิดใน 2 ระดับใหญ่ๆ ด้วยคือ
1. ผิดในแง่พระวินัยอันเป็นพุทธบัญญัติและผิดตั้งแต่กระบวนการรับเข้าสู่สมณเพศแล้ว
2. ผิดในระดับทำลายความเป็นออริจินัลและความเป็น Authentic ของพุทธศาสนาตามความเชื่อของเขา ซึ่งแน่นอนในมุมมองนี้อย่าพูดถึง ตุ๊ด กะเทย บัณเฑาะก์เลย ขนาดผู้หญิงซึ่งถือเป็นเพศที่ถูกต้องตามหลักธรรมชาติตามวิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศของเขา ตามพระวินัยยังไม่ยินยอมให้บวชด้วยซ้ำไป
คำตอบจากกลุ่มที่สอง ในแง่หนึ่ง หากมองในแง่สังคม ในโลกปัจจุบัน กับศาสนาที่ควรอนุวัตไปตามบริบทโลก บริบทสังคม คำตอบคงเป็นไปในทำนองของการอนุโลมมากกว่า คือไม่ยืนยันว่า ผิด หรือ ถูก แต่พออนุโลมได้หากอยู่ภายใต้ข้อกำหนด และข้อกำกับพฤติกรรมจากพระธรรมวินัย
แน่นอนในปัจจุบันเราเริ่มที่จะตั้งคำถามต่อศาสนา ต่อความเชื่อทางศาสนามากขึ้น ไม่ว่าจะในแง่เชิงคุณค่าว่ายังคง ‘มีฟังก์ชัน’ กับผู้คนอยู่หรือไม่ ขัดแย้งกับหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ซึ่งหากเทียบกันก็มองได้ว่า ‘การไม่มีศาสนา’ แทบจะเป็นศาสนาหนึ่งของผู้คนในโลกปัจจุบันไปแล้วด้วยซ้ำ
ไม่เพียงเท่านั้นกระแสวิธีคิดเรื่องความเท่าเทียมจากเพศ เสรีภาพทางศาสนาก็เริ่มที่จะถูกใช้ในการตั้งคำถามเกี่ยวกับหลักปฏิบัติและหลักการทางศาสนา ซึ่งหากใช้วิธีคิดนี้มองศาสนา ก็หมายถึงว่า มนุษย์ ปุถุชน ทุกเพศ ทุกวัยมีเสรีภาพที่จะเข้าถึงความเป็นสมณเพศ ความเป็นพระสงฆ์ หรือแม้แต่มีสิทธิ มีเสรีภาพที่จะบรรลุหลักธรรมอันเป็นปรัชญาขั้นสูงของพระศาสนาได้ จึงเริ่มเป็นที่มาของการตั้งคำถามหลายต่อหลายคำถาม
ดังนั้นพระตุ๊ดผิดไหม ผิดตรงไหน จึงอาจไม่มีคำตอบที่ชัด แต่สิ่งที่ควรจะเป็นคือ ศาสนาก็ควรอนุโลมและอนุวัตตามโลก และผู้ที่จะเข้าไปอยู่ในสมณเพศก็ต้องยอมรับแล้วว่าพื้นที่นั้นมีกฎหรือมีวินัยที่ต้องคอยกำกับ ในแง่ระเบียบแบบแผนของพุทธเถรวาท
ดังนั้นการจะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ตุ๊ด เกย์ กะเทย หรือไม่ว่าจะเพศใด แม้จะมีสิทธิและเสรีภาพ ก็ต้องยอมรับและปฏิบัติตามกฎนั้นๆ ดังคำพูดของพระสงฆ์ผู้ที่ยอมรับว่าตนเองเป็นพระตุ๊ดรูปหนึ่งว่า ‘สาวในระเบียบไหม’ ‘สาวในกฎไหม’
ดังนั้นความผิดหรือความถูกต้องจึงควรมองหรือควรพิจารณาที่พฤติกรรมส่วนบุคคลมากกว่าเรื่องเพศ เช่น แนวคิดที่ว่า ‘กะเทย เกย์ เป็นผู้หมกมุ่นทางเพศหากให้เข้ามาจะทำให้ศาสนาเสื่อม’ การอธิบายเช่นนี้หมายถึงการกีดกันทางศาสนาที่เกิดขึ้นจากอคติทางเพศ เพราะเรื่องพวกนี้เป็นกันได้ทุกคน ไม่ว่าชาย หญิง เกย์ กะเทย ทอม ดี้ ไม่ว่าเพศไหนเรื่องรัก โลภ โกรธ หลงก็มีได้เป็นธรรมดา
สิ่งที่ผู้เขียนจะเสนอคือ เราควรอนุวัตตามกัน ศาสนาก็ควรจะให้เสรีภาพตามหลักการของทางโลก ทางโลกก็ควรเข้าใจหลักการทางศาสนาด้วยเช่นกัน แต่หากเราจะยืนยันเอาคำตอบแบบชี้ชัดไปเลยว่าต้องถูกหรือต้องผิด ก็เท่ากับว่าศาสนาและโลกก็ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
เพราะฉะนั้นคำตอบของคำถามที่ว่า “พระตุ๊ดผิดไหม” “ผิดตรงไหน” จึงไม่มีคำตอบที่เป็นสูตรสำเร็จ คำตอบจึงเป็นการชี้แจงให้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลายในสังคม ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้มุมมองทางศาสนา และวิธีคิดอย่างไรในการให้คำตอบมากกว่า
แต่ว่าคำถามที่น่าสนใจมากกว่าจะถามว่าพระตุ๊ดผิดไหม ผิดตรงไหน หรือมากกว่าการแสวงหาคำตอบที่เป็นสูตรสำเร็จ คือคำถามที่ว่า ใครเป็นผู้ชี้ว่าสิ่งนี้ผิด สิ่งนี้ถูก ใครเป็นผู้กุมอำนาจในการอธิบายความผิด-ความถูก ความแท้-ความเทียมของศาสนามากกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของพระตุ๊ด แม้แต่พระชาย หรือหลักคำสอนทางศาสนาด้วยกันเองก็ถูกนิยามความผิด-ถูกจากกลุ่มผู้มีอำนาจนั้นด้วย ดังนั้นเรื่องพวกนี้จึงถือเป็นเรื่องการเมืองทางศาสนา ‘Authentic จึงเท่ากับ Politic’ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ต่างหากที่ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่คำถามว่าทำไมพระตุ๊ดถึงผิด
แต่ทว่าหากจะพิจารณากันไปให้สุดทางว่า ศาสนาควรจะปรับตัวอย่างไรตามหลักเสรีภาพทางศาสนา เราควรจะหลุดจากอำนาจของกลุ่มอำนาจที่คอยกำกับคำนิยาม คำอธิบายหลักการทางศาสนาแล้วหรือไม่อย่างไร เราก็ควรจะพูดไปถึงประเด็นว่าด้วยการแยกศาสนาออกจากรัฐ (Secular State) ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันอีกยาว
บทความโดย อ.รุ่งทิวา เริ่มฤกษ์

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

bestpostdd11

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1910
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้